
คุณอาจไม่เชื่อ หากมีใครบอกว่าเครื่องดนตรีที่เปลี่ยนโลกดนตรียุคศตวรรษที่ 20 กลับมีรูปร่างไม่เหมือนกีตาร์เลยแม้แต่นิดเดียว แถมยังคล้าย กระทะทอดไข่ จนได้ฉายาว่า 'The Frying Pan'
กีตาร์รุ่นประวัติศาสตร์นี้ถือกำเนิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1931 ในช่วงที่ดนตรีอะคูสติกครองเวที และรูปลักษณ์ไม่เหมือนใครของมันก็เกิดจากเหตุผลสำคัญที่กำลังจะเปลี่ยนโลกดนตรีไปอย่างสิ้นเชิง
และนั่นเองคือจุดเริ่มต้นของการเดินทางครั้งใหม่ ที่จะพาโลกดนตรีก้าวเข้าสู่ยุคของไฟฟ้าอย่างแท้จริง...
ทำไมต้องเป็น 'กระทะทอดไข่' และการออกแบบนี้ช่วยตอบโจทย์การใช้งานได้จริงหรือ
เหตุผลหลักที่อยู่เบื้องหลังการออกแบบที่ดูไม่คุ้นตานั้น เรียบง่ายแต่ตอบโจทย์อย่างยิ่ง นั่นคือ 'The Frying Pan' ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อให้นักดนตรียืนสะพายเล่นเหมือนกีตาร์ในปัจจุบัน แต่มันถูกออกแบบมาเพื่อ เล่นในแนวนอนบนตัก ของผู้เล่นโดยเฉพาะ
ดีไซน์นี้ถูกคิดขึ้นเพื่อตอบโจทย์แนวดนตรียอดนิยมในสมัยนั้นอย่าง เพลงฮาวาย ต้นแบบของการเล่นกีตาร์แบบ Lap Steel ที่จำเป็นต้องวางเครื่องดนตรีไว้บนตัก
ผู้บุกเบิกและปฏิวัติวงการ
ในช่วงเวลาที่เสียงเครื่องเป่าและกลองชุดครอบงำทุกเวที ทำให้ กีตาร์โปร่ง ไม่อาจแข่งขันได้ จึงเป็นที่มาที่ George Beauchamp และ Adolph Rickenbacker คิดค้นกระบวนการที่กลายเป็นต้นกำเนิดของกีตาร์ไฟฟ้าตัวแรก ซึ่งทำงานแบบนี้
- การติดตั้ง: พวกเขาได้ติดตั้ง แม่เหล็กรูปเกือกม้า ไว้บริเวณใต้สายกีตาร์
- การทำงาน: เมื่อสายกีตาร์ถูกดีด แม่เหล็กจะทำหน้าที่ตรวจจับแรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้น
- การแปลงสัญญาณ: แรงสั่นสะเทือนนั้นจะถูกเปลี่ยนให้กลายเป็น สัญญาณไฟฟ้า
- การขยายเสียง: สุดท้าย สัญญาณไฟฟ้าจะถูกส่งต่อไปยังเครื่องขยายเสียง หรือ "แอมป์" เพื่อขยายเสียงให้ดังขึ้น
ผลลัพธ์คือกีตาร์ที่เคยเสียงเบาก็สามารถกลายเป็นตัวเด่นของการแสดงได้ทันที แต่เส้นทางหลังจากนั้นยังเต็มไปด้วยความท้าทายที่ต้องต่อสู้
จากต้นแบบสู่การผลิตเชิงพาณิชย์
'The Frying Pan' ไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่การเป็นต้นแบบ แต่ยังกลายเป็นกีตาร์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ตัวแรกของโลก ผ่านเหตุการณ์สำคัญหลายช่วงเวลา
- ปีที่สร้าง: ค.ศ. 1931 คือปีที่ต้นแบบตัวแรกถือกำเนิดขึ้น
- ปีที่เริ่มผลิต: ค.ศ. 1932 บริษัท the Electro String Instrument Corporation ได้เริ่มผลิตกีตาร์รุ่นนี้ออกวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ
- ปีที่ได้รับสิทธิบัตร: ค.ศ. 1937 หลังจากรอคอยมานานถึง 6 ปี ในที่สุดผู้สร้างก็ได้รับสิทธิบัตรคุ้มครองสิ่งประดิษฐ์ของพวกเขา
ช่วงเวลาการผลิตระหว่างปี 1932 ถึง 1939 จึงเป็นหมุดหมายสำคัญในประวัติศาสตร์ ซึ่งได้วางรากฐานให้กับอุตสาหกรรมกีตาร์ไฟฟ้าที่จะเติบโตในเวลาต่อมา
มรดกของ 'The Frying Pan'
มูลค่าของ 'The Frying Pan' ไม่ได้อยู่ที่ดีไซน์เพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงบทบาทสำคัญในงานบันทึกเสียงเพลงแนว ฮาวาย และ แจ๊ส ซึ่งได้รับความนิยมในยุคแรกๆ
ที่สำคัญที่สุดคือ 'The Frying Pan' ได้วางรากฐานให้กับกีตาร์ไฟฟ้ารุ่นต่างๆ ที่กลายเป็นไอคอนของโลกดนตรีในเวลาต่อมา
- Fender Stratocaster
- Gibson Les Paul
- Paul Reed Smith ที่ศิลปินอย่าง John Mayer หรือ Carlos Santana เลือกใช้
เสียงกีตาร์โซโล่ทุกท่อนที่เราได้ยินกันจนคุ้นเคย ล้วนมี DNA ของ ‘The Frying Pan’ ซ่อนอยู่ มันคือรากฐานที่สร้างอนาคตของดนตรีไฟฟ้าอย่างแท้จริง
ปัจจุบันเจ้ากระทะทอดไข่นี้ อยู่ที่ไหน?
ผู้ที่ต้องการเห็นต้นแบบของจริง สามารถชม ‘The Frying Pan’ ได้ที่พิพิธภัณฑ์ในนิวยอร์ก และบางครั้งที่ National Guitar Museum ซึ่งถือเป็นหลักฐานทางดนตรีชิ้นสำคัญของโลก
ข้อมูลอ้างอิง